วันเสาร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2554

การเจริญพระกรรมฐาน

ขอเจริญพรบรรดาญาติพี่น้องพุทธบริษัท ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ทุกท่าน ในวันนี้เป็นวันธรรมสวนะ วันพระอุโบสถ เป็นวันที่เรารวมกันเพื่อแสวงหาธรรมะ ให้พบพระในจิตใจของท่าน ถ้าพบพระเมื่อใดใจจะประเสริฐเมื่อนั้น จิตใจก็เยือกเย็น แปลว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นพระ
การเจริญพระกรรมฐานต้องการพบพระ ต้องการมีพระประจำกาย ประจำใจ ต้องการมีความสุข เจริญรุ่งเรืองในชีวิตของท่าน ถ้าท่านไม่ปฏิบัติธรรม จะไม่พบพระที่แท้จริง จะพบพระปลอม นุ่งเหลือง ห่มเหลือง หาใช่พระของเราไม่ ท่านมีพระประจำใจท่านจะมีแต่เมตตาปรานี ปรารถนาดี และมีแต่ความสงสารซึ่งกันและกัน แสดงความยินดีแก่ผู้สร้างความดี มีแต่ความวางเฉยในเรืองกิเลสนานาประการ คือ อุเบกขาภาวนา ไม่ใช่ใครทำดีทำชั่วก็เฉย อุเบกขาอย่างนี้ไม่ถูกต้อง
วันนี้จะชี้แจงให้ท่านเข้าใจในเรื่อง เจริญพระกรรมฐานได้อะไร เจริญพระกรรมฐานจะพบพระตรงไหน และพระกรรมฐานจะแก้กรรมได้ไหม พระกรรมฐานจะไปหาเวรหากรรมอีกต่อไปไหม ถ้าเจริญกรรมฐานได้จริง หมดเวรหมดกรรมแน่ ท่านจะหมดเวรหมดกรรมที่ทำไว้ ขอติดตามฟังสืบไป ณ โอกาสบัดนี้
ท่านสาธุชนที่รักทั้งหลาย ที่ท่านขวนขวายมาที่วัดนี้ ท่านต้องการอะไรบ้าง วัตถุประสงค์ของท่านมีอะไร อาตมาถามหลายคณะแล้ว ตอบไม่ถูกเลย ต้องการจะนั่งกรรมฐานไปสวรรค์ไปนิพพาน มันจะเอื้อมสูงเกินไป ไปบวชชีพราหมณ์ก็มารวมกัน วิทยากรหลายท่านบรรยายกันเป็นวัน นั่งฟังกันจนตาปรือ นั่งฟังกันหลับจนอ่อนอกอ่อนใจ ท่านจะได้อะไรบ้างไหม เลยกลายเป็นคนรู้มาก แต่เสียดายที่ไม่รู้จริง คนรู้มากมีเยอะ พูดตรงไหนรู้หมด ญาณโน้นญาณนี้รู้หมด แต่ตัวเองไม่มีแม้แต่ญาณเดียว เรียกว่ารู้มาก ไม่ใช่รู้จริง รู้จริงต้องทำ รู้จำต้องท่อง รู้แจ้งถึงจิต มีสติสัมปชัญญะควบคุมจิตอยู่ตลอดเวลาถึงจะรู้จริง การเจริญพระกรรมฐานต้องการความจริงใจ ต้องการจะรู้ว่าเราน่ะเป็นคนจริงไหม เราจะเข้าข้างตัวเองเสมอว่าเราเป็นคนดี ไม่มีใครบอกว่าตัวเองเป็นคนชั่ว เราจะทราบได้จากการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าท่านมาแต่ฟังเขาบรรยาย ไม่ได้ปฏิบัติ ฟังเขาพูดญาณกัน รู้ถึงญาณ ๑๖ เดินจงกรมถึงระยะ ๖ มันก็รู้มากไปอย่างนั้น แต่ไม่รู้จริงที่จะแก้ไขกรรม เพราะความตื้นลึกหนาบางของกฎแห่งกรรมอยู่ในตัวท่านมาก ครั้งอดีตชาติมาท่านสร้างเวรกรรมตามสนองมีอะไรบ้าง ท่านจะมิทราบเลยถ้ามัวแต่ฟัง
การเจริญพระกรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของพระพุทธเจ้านี้ไม่ค่อยมีใครสอน การเจริญพระกรรมฐานต้องการเจริญมรรค ๘ ได้แก่ เจริญศีล สมาธิ ปัญญา ที่เรานั่งเจริญภาวนากัน แล้วหาเหตุที่มาของกรรม คือ ทุกข์ เราจะพบ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ อริยสัจ ๔ ทุกข์เกิดขึ้นแล้วเราก็หาเหตุของทุกข์ได้ และเราจะแก้ไขทุกข์ด้วยตรงเหตุนั้น ต้องแก้ให้ถูกจุด เกาให้ถูกที่คันจะได้หายคัน เปรียบเทียบให้ท่านเข้าใจ ถ้าเราพบพระแล้ว จะขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือ จะขยันหมั่นเพียรประกาบอาชีพการงาน จะกระตือรือร้นในการสร้างความดีขึ้นมา และท่านจะไม่เบียดเบียนทรัพย์สินเงินทอง จะไม่ขี้โกงขี้เม้มแต่ประการใด เพราะมีพระประจำจิตประจำใจแล้วมันเกิดแสงสว่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น